บาคาร่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันเพราะเป็นการพนันชนิดหนึ่งที่ใคร ๆ ก็รู้จักและสามารถเล่นได้อย่างง่ายดาย มีวิธีการเล่นที่ไม่ยุ่งยากพร้อมกับเทคนิคที่มีมากมายหลากหลายรูปแบบและไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเล่นได้ เพียงแค่มีอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์เท่านั้นและสามารถรองรับระบบ iOS และ Android ได้อีกด้วย
บาคาร่าคืออะไร
เกมที่ชื่อว่าบาคาร่า มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี ช่วง ค.ศ. 1400 โดยชายนักพนันที่ชื่อว่า Felix Falguiere เขาได้เรียกเกมนี้ว่า baccarat ในภาษาอิตาลีแปลว่า 0 เนื่องจากหน้าไพ่ที่เป็นเลข 10 กับหน้าไพ่ที่เป็น J, Q, K นั้นมีค่าเท่ากับ 0 เป็นเวลานานหลายศตวรรษที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่า บาคาร่า ที่พวกเขารู้จัก เป็นเกมสำหรับคนชนชั้นสูงเท่านั้น ด้วยการเล่นที่ต้องใช้กระดานสำหรับเล่นบาคาร่า และดีลเลอร์ (คนแจกไพ่) ภายในห้องพิเศษที่ปิดเงียบ ประดับด้วยม่านกำมะหยี่ ผู้เล่นนั่งบนเก้าอี้บุหนังแบบพรีเมี่ยม เพื่อให้ผู้เล่นได้มีสมาธิกับเกมที่มีเทคนิคการเล่นหลายรูปแบบ ก่อนที่บาคาร่าจะกลายเป็นที่โด่งดังโดย Ian Fleming เขาได้เรียนรู้วิธีการเล่นบาคาร่าและได้สร้างตัวละครที่เป็นเซียนบาคาร่าอย่าง James Bond ด้วยท่าทีที่ดูเท่ตลอดเกมการเล่นจนทำให้หลายคนที่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วอยากเล่นตามตัวละครเอกของเรื่องและการเข้าสู่การเล่นบาคาร่าออนไลน์ การเล่นบาคาร่าบนออนไลน์เริ่มมาตั้งสมัยที่เริ่มมีอินเทอร์เน็ตแบบ Dial-up และค่อยๆ พัฒนาระบบการเล่นมาพร้อมกับความเร็วของอินเทอร์เน็ต จนในตอนนี้บาคาร่าได้พัฒนาระบบกราฟิกจนคมชัดและมีหน้าตาการเล่นที่เข้าใจง่ายกับผู้ใช้งาน จนทำให้ปัจจุบันการเล่นบาคาร่าบนออนไลน์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของคนทั่วไปที่อยากเข้าถึงเกมนี้ โดยการเข้าสู่ออนไลน์ทำให้ผู้เล่นจะเป็นใครก็ได้ ไม่ต้องไปเล่นถึงคาสิโน เพียงเชื่อมกับอินเทอร์เน็ตบนคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนก็เข้าเล่นได้เลย
วิธีการเล่นบาคาร่า
บาคาร่าจะมีวิธีการเล่นเหมือนไพ่ป๊อกเด้งที่ผู้ชนะในตานั้นคือ ผู้ที่ถือแต้มหน้าไพ่ 8 หรือ 9 แต่บาคาร่าจะมีกติกาและวิธีการเล่นแตกต่างออกไป เพราะคุณไม่ได้เป็นผู้ลุ้นไพ่เอง แต่คุณคือผู้ชมเกมที่สามารถพนันว่าฝ่ายใดในเกมนั้นจะเป็นผู้ชนะ ด้วยวิธีการวางเงินเดิมพันไปตามช่องบนกระดานซึ่งแต่ละช่องนั้นก็จะมีรางวัลที่แตกต่างกันออกไปตามความยากง่ายของไพ่ที่จะออกในแต่ละตา เริ่มเกมจะมีดีลเลอร์ (คนแจกไพ่) แจกไพ่ให้กับผู้เล่นทางฝั่งเจ้ามือและฝั่งผู้เล่น ฝั่งละ 2 ใบ โดยไพ่ที่นำมาแจกนั้นจะใช้ไพ่ 6-8 สำรับ ทำให้แต่ละตามีไพ่มากกว่า 300 ใบที่ทำให้ผู้เดิมพันนั้นคาดเดาได้ยากว่าหน้าไพ่จากฝั่งใดจะเป็นเป็นชนะได้ และคุณที่เป็นผู้วางเดิมพันจะต้องเลือกว่าฝ่ายใดจะมีแต้มหน้าไพ่สูงกว่า
แต้มจากหน้าไพ่แต่ละใบ
บาคาร่ามีการนับแต้มจากหน้าไพ่เหมือนกับการเล่นป๊อกเด้ง นั่นคือ 10, J, Q, K มีแต้มเท่ากับ 0,A มีค่าเท่ากับ 1,ส่วนไพ่ใบอื่น ๆ จะมีแต้มเท่ากับตัวเลขที่อยู่บนหน้าไพ่ ส่วนการนับแต้ม Natural ในภาษาไทยเรียกกันว่าไพ่ป๊อก นั่นคือเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปิดไพ่ 2 ใบแรกมาแล้วได้แต้มรวมที่ 8 หรือ 9 ถือว่าฝ่ายนั้นเป็นผู้ชนะในตานั้น La Petite (เลเพไทท์) ศัพท์แสลงในภาษาฝรั่งเศสนั่นคือการ “ป๊อก 8” Le Grande (เลแกรนด์) ศัพท์แสลงในภาษาฝรั่งเศสนั่นคือการ “ป๊อก 9” Monkey (มังกี้) การเรียกไพ่ที่มีแต้มหน้าไพ่เป็น 0 ซึ่งได้แก่ไพ่ J, Q, K และ 10 และการจั่วเพิ่มใบที่ 3 เมื่อทั้งฝ่ายผู้เล่นและฝ่ายผู้เล่นเปิดไพ่ 2 ใบแรกแล้ว ยังไม่สามารถตัดสินการแพ้ชนะได้ (ยังไม่มีฝ่ายใดได้แต้มหน้าไพ่ 8-9) จะมีกฎการจั่วไพ่ใบที่ 3 เกิดขึ้นโดย ทางฝั่งผู้เล่น มีแต้มตั้งแต่ 0-5 ต้องจั่วไพ่เพิ่มเพื่อสู้กับเจ้ามือ,มีแต้มมากกว่า 6 ไม่ต้องจั่วไพ่,มีแต้ม 8-9 คือชนะในตานั้นทันทีและทางฝั่งเจ้ามือมีแต้ม 0-2 ควรจั่วเพิ่ม,มีแต้ม 3-6 จั่วเพิ่มหรือไม่ก็ได้,มีแต้ม 7 ควรอยู่ไพ่,มีแต้ม 8-9 คือชนะในตานั้นทันที คาสิโนออนไลน์ ของเรา รองรับระบบ iOS, Android
การเลือกเดิมพัน
วิธีการเดิมพันของบาคาร่าแตกต่างกับไพ่ป๊อกเด้งตรงที่ คุณจะไม่ใช่ผู้ที่ลุ้นไพ่ด้วยตัวเอง แต่คุณจะเป็นผู้วางเดินพันระหว่างเจ้ามือและผู้เล่น ว่าใครจะเป็นผู้ที่ชนะหรือเสมอกันในเกมนั้น ซึ่งถ้าคุณวางเดิมพันได้ถูกต้องก็จะได้รับรางวัลในตานั้นไป โดยอัตรารางวัลจากการเดิมพันจะแตกต่างกันออกไปตามตำแหน่งที่คุณวางเดิมพัน คือ
- เลือกเดิมพันฝั่งผู้เล่น (Player) จะได้รับอัตรารางวัลแบบ 1:1 เช่น วางเงินไป 1,000 จะได้กลับคืนมาอีก 1,000 บาท
- เลือกเดิมพันฝั่งเจ้ามือ (Banker) จะได้รับอัตรารางวัลแบบ 1:0.95 (หักคอมมิชชั่น 0.05%)
- เลือกเดิมพันแบบเสมอกัน (Tie) จะได้รับอัตรารางวัลแบบ 1:8 แต่ถ้าในตาที่เกิดการเสมอขึ้นคุณวางเดิมพันที่ฝั่งผู้เล่นหรือฝั่งเจ้ามือเอาไว้ คุณจะได้รับเงินเดิมพันคืน
- ผู้เล่นไพ่คู่ (Player Pair) จะได้รับอัตรารางวัลแบบ 1:11 โดยเลือกทายเดิมพันว่าฝั่งผู้เล่นจะได้ไพ่ 2 ใบแรกเป็นไพ่ที่แต้มเท่ากันหรือไม่ เช่น 5-5 , K-K, A-A
- เจ้ามือไพ่คู่ (Banker Pair) จะได้รับอัตรารางวัลแบบ 1:11 โดยเลือกทายเดิมพันว่าฝั่งเจ้ามือจะได้ไพ่ 2 ใบแรกเป็นไพ่ที่แต้มเท่ากัน
- ดับเบิ้ลคู่ (Perfect Pair) จะได้รับอัตรารางวัลแบบ 1:25 โดยเลือกทายเดิมพันว่าทั้งฝั่งเจ้ามือและฝั่งผู้เล่นจะได้ไพ่ 2 ใบแรกที่แต้มเท่ากัน
- ดับเบิ้ลเดี่ยว (Any Pair) จะได้รับอัตรารางวัลแบบ 1:5 โดยเลือกทายเดิมพันว่าจะมีไพ่ 2 ใบแรกเป็นไพ่ที่แต้มเท่ากัน ซึ่งจะออกที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งก็ได้รางวัล
- เดิมพันใหญ่ (Big) จะได้รับอัตรารางวัลแบบ 1:0.5 โดยเดิมพันว่าในตานั้นจะมีการจั่วไพ่ใบที่ 3 เกิดขึ้น จากฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
- เดิมพันเล็ก (Small) จะได้รับอัตรารางวัลแบบ 1:1.5 โดยเดิมพันว่าในตานั้นจะจบเกมโดยไม่มีการจั่วไพ่เพิ่มทั้งจากฝั่งเจ้ามือและฝั่งผู้เล่น
สรุป
บาคาร่าเป็นหนึ่งในเกมคาสิโนที่มีชื่อเสียงมาก ด้วยชื่อเสียงของการเล่นที่เรียกได้ว่ามีความยากในการคาดเดาเพราะไพ่ที่ใช้เล่นแต่ละตานั้นใช้ถึง 8 สำรับ ทำให้ผู้เล่นคาดเดาแทบไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเกมนั้น ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตและวางแผนเดิมพัน โดยหลังจากที่คุณได้ลองวางเดิมพันเกมนี้ไปสักระยะหนึ่งแล้ว คุณจะเริ่มจับทางเกมการเล่นของบาคาร่าได้ ซึ่งนี่เป็นโอกาสดีสำหรับนักพนันที่อยากลองอีกด้วย